
วัดอ่างศิลา
ประวัติความเป็นมา
วัดอ่างศิลาเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เดิมแบ่งเป็น 2 วัด คือ วัดอ่างศิลานอกและวัดอ่างศิลาใน ว่ากันว่าเป็นเพราะมีพระสงฆ์เป็นโรคเรื้อน จึงถูกขับออกมาตั้งวัดใหม่อยู่ข้าง ๆ ในบริเวณเดียวกัน จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้รวมวัดทั้งสองเข้าเป็นวัดเดียว วัดอ่างศิลาจึงเป็นหนึ่งในวัดไม่กี่แห่งที่มี 2 โบสถ์ จากจารึกบนใบเสมาหน้าอุโบสถเก่าวัดอ่างศิลาใน วัดในสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2243 ในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา ส่วนโบสถ์วัดนอกนั้นสร้างขึ้นภายหลังโดยสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นราว พ.ศ. 2360 - 2362 เพราะหลังคาโบสถ์ไม่มีช่อฟ้าใบระกาและหางหงส์ ส่วนหน้าบันนั้นประดับด้วยเครื่องถ้วยกระเบื้องเคลือบจีน ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เพิ่งเริ่มมีและเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 ทางด้านหน้าของตัววิหารยังคงเหลือเจดียสมัยอยุธยาเรียงรายกันอยู่ 3 องค์ ซึ่งเจดีย์ดังกล่าวนี้เป็นแบบอย่างที่นิยมสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าท้ายสระ นอกจากนี้ ส่วนฐานของเจดีย์องค์หนึ่งยังได้มีการทําลายปูนปั้นเป็นรูปครุฑแบก ซึ่งเป็นลักษณะเด่น แบบหนึ่งของศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายอย่างชัดเจน นอกจากนี้ก็มีฐานเสมาที่ได้ ซ่อมแซมใหม่แต่ก็ยังคงพอสังเกตเห็นถึงโครงสร้างจากรูปทรงเดิมได้ ส่วนสถาปัตยกรรมอื่น ๆ เช่น มณฑป และพระอุโบสถหลังปัจจุบันซึ่งมีภาพจิตรกรรมฝาผนังนั้น (สิขรินทร์ ศรีสุวิทธานนท์, ม.ป.ป.)
ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เขียนโดย ช่างเอี่ยม กับช่างแดง ซึ่งเป็นช่างเขียนจากวัดสามปลื้มหรือวัดจักรวรรดิราชาวาส จังหวัดกรุงเทพมหานคร และเนื่องด้วยช่างทั้ง 2 มีเชื้อสายจีน ทำให้ภาพจิตรกรรมที่วาดขึ้นมานั้น มีกลิ่นไอของศิลปะจีนผสมอยู่ด้วย แต่ภายหลังพระอุโบสถหลังเก่าที่เป็นไม้ มีความทรุมโทรมเป็นอย่างมาก จึงได้มีการบูรณะ โดยการสร้างตัวพระอุโบสถใหม่ครอบทับตัวพระอุโบสถเดิม (nanakawaii, 2557)
จุดเด่นวัดอ่างศิลา
ลักษณะการตัดเส้นของภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถของวัดอ่างศิลานี้เขียนได้เป็นอย่างดี อาจกล่าวได้ว่ามีลักษณะที่เด่น แสดงออกให้เห็นถึงความชํานาญของช่างเขียนได้เป็นอย่างดีกล่าวคือลักษณะของเส้นจะมีความอ่อนหวานต่อเนื่องกันไปโดยตลอด และมีการแบ่งเน้นให้เห็นถึงความสําคัญของเส้นที่เขียนตัดลงบนส่วนต่าง ๆ ของภาพ คือ มีน้ำหนักของเส้นที่มี ความหนาบาง แตกต่างกันออกไป โดยเส้นที่เขียนตัดลงบนส่วนของใบหน้าจะมีน้ำหนัก ความหนา บาง ของเล่น และน้ำหนักของสีที่ใช้อ่อนแก่ต่างกันออกไป โดยแต่ละส่วนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งลักษณะดังกล่าวประกอบกับการตัดเส้นด้วยความชํานาญของช่างเขียน (nanakawaii, 2557)

